การย้ายโรงงานผลิตรถยนต์แลนโรเวอร์ไปประเทศสโลวะเกีย
Land Rover เป็นรถยนต์ที่นับว่าเป็นผู้นำในด้านรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อเอนกประสงค์ เปิดตัวเมื่อ ปี 1948 ซึ่งภายหลังชื่อ แลนด์โรเวอร์ จึงได้กลายมาเป็นรถยนต์ยี่ห้อหนึ่ง ที่ทำตลาดด้วยรถยนต์หลายรุ่น ซึ่งรถ Land Rover ทุกรุ่นจะต้องมีความสามารถหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคือมีระบบขับเคลื่อนแบบสี่ล้อ หากไม่นับรถยนต์ประเภทรถบรรทุกขนาดใหญ่แล้ว แลนด์โรเวอร์ ถือเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ประเภทขับเคลื่อนสี่ล้อ ที่มีอายุในการทำตลาดยืนยาวที่สุด โดยเป็นรองเพียง Jeep เท่านั้น รถแลนด์โรเวอร์มีฐานการผลิตหรือโรงงานผลิตอยู่ที่ประเทศอังกฤษ เนื่องจากต้นทุนการผลิตในยุคปัจจุบันสูงขึ้นมาก ดังนั้นผู้บริหารของบริษัทรถแลนด์โรเวอร์ จึงมีแนวคิดจะย้ายโรงงานผลิตไปที่ประเทศสโลวะเกียแทนอีกประเทศหนึ่งและอีกหลายๆประเทศทั่วโลกในอนาคต เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทั่วโลกแบบทั่วถึง และทางบริษัทมีนโยบายที่จะซ่อมแซมปรับปรุงโรงงานHalewood ที่ประเทศอังกฤษเพื่อรองรับและเตรียมพร้อมสำหรับการจัดงาน Range Rover Evo ในปีพ. ศ. 2562 “กลยุทธ์ของ Jaguar Land Rover ได้ประกาศแผนการที่จะย้ายการผลิตคือการสร้างรถยนต์ไปที่โรงงานหลายแห่งไปทั่วโลก เพื่อมั่นใจว่าการผลิตรถยนต์ของเรานี้จะสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกได้อย่างทั่วถึง” Wolfgang Stadler ผู้บริหารของแลนด์โรเวอร์ได้กล่าวไว้ การย้ายโรงงานผลิตไปสโลวะเกียและที่อื่นนั้นอาจจะทำเกิดภาวะเสี่ยงให้กับพนักงานในบริษัทที่ประเทศอังกฤษมีภาวะตกงานถึง 1800 ตำแหน่งทีเดียวและนั่นคือจำนวนของพนักงานหนึ่งในห้าของจำนวนพนักงานทั้งหมดถึงแม้ว่าจะย้ายโรงงานผลิตไปที่สโลวะเกียก็ตาม แต่แผนยุทธศาสตร์ระยะยาวของบริษัท JLR ที่วางไว้สำหรับโรงงานที่ประเทศอังกฤษก็คือ การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อเตรียมพร้อมและรองรับการเปลี่ยนแปลงในโลกยุคใหม่ต่อไป แปลโดย:latisha(ลาติชา)
Nissan ฉลอง 84 ปี ยอดขายรวม 150 ล้านคัน แต่กว่าจะถึงวันนี้ไม่ง่าย | สาระน่ารู้เรื่องรถ
Nissan ฉลองผลิตรถยนต์ครบ 150 ล้านคัน ภายในระยะเวลา 84 ปี นับตั้งแต่ Nissan Motor Co., Ltd. ได้ถือกำเนิดขึ้นในปี 1933 แต่กว่า Nissan จะประสบความสำเร็จและยิ่งใหญ่อย่างวันนี้พูดเลยว่าไม่ง่ายและต้องฝ่าฟันมาเยอะ
7 ฟังก์ชั่นเด็ดในรถที่คุณอาจไม่เคยรู้
รถยนต์รุ่นใหม่ๆ มักถูกติดตั้งอ็อพชั่นมากมายจนนับไม่ถ้วน ซึ่งหลายฟังก์ชั่นแม้แต่เซลส์ขายรถเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่ามีฟีเจอร์เด็ดเหล่านี้ เราลองไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง? 1.เปิด-ปิดหน้าต่างด้วยรีโมท กุญแจรถยุโรปแทบทุกรุ่นสามารถสั่งเปิดหรือปิดกระจกหน้าต่างได้จากระยะไกลได้ โดยหากลืมปิดกระจกก่อนลงจากรถ ก็สามารถกดปุ่ม ‘ล็อค’ ค้างไว้ จากนั้นกระจกข้างที่เปิดอยู่จะปิดเองโดยอัตโนมัติ (หากมีซันรูฟก็จะปิดให้อัตโนมัติเช่นกัน) แต่หากต้องการเปิดกระจกเพื่อระบายความร้อน ก็กดปุ่มปลดล็อคค้างไว้ กระจกทั้งสี่บานจะลดระดับลงมาเอง 2.พนักพิงศีรษะปรับเข้า-ออกได้ รถญี่ปุ่นและยุโรปหลายรุ่น นอกจากจะสามารถปรับพนักพิงศีรษะขึ้น-ลงได้นั้น ยังสามารถปรับเข้า-ออกได้ด้วย เพื่อให้เข้ากับสรีระของผู้โดยสารมากที่สุด ซึ่งอาจมีลักษณะเป็นปุ่มติดตั้งไว้ข้างพนักพิงศีรษะ หรือสามารถดันเข้า-ออกได้ทันทีขึ้นอยู่กับรุ่นรถ 3.มาตรวัดปรับความสว่างได้ รถยนต์แทบทุกรุ่นจะสามารถปรับความสว่างของมาตรวัดความเร็วและปุ่มควบคุมบนแผงคอนโซลได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสบายตาในกรณีขับผ่านที่มืดจัด ป้องกันไม่ให้แสงแยงตามากจนเกินไป โดยส่วนใหญ่จะมีลักษณะเป็นก้านควบคุมติดตั้งไว้บริเวณมาตรวัดความเร็ว หรือบางรุ่นติดตั้งไว้แยกต่างหากก็มี 4.ระบบปิดการทำงานถุงลมนิรภัย รถบางรุ่นจะมีระบบปิดการทำงานของถุงลมนิรภัยฝั่งผู้โดยสารด้านหน้า สำหรับในกรณีติดตั้งเบาะนั่งเด็ก เพื่อป้องกันไม่ให้ถุงลมพองตัวจนทำให้เด็กได้รับอันตราย แต่ทางที่ดีควรติดตั้งเบาะนั่งเด็กไว้บนเบาะหลัง ซึ่งเป็นที่ที่ปลอดภัยมากที่สุด 5.ที่บังแดดยืดได้ รถยนต์บางรุ่นสามารถยืดที่บังแดดเข้า-ออกได้ ใช้สำหรับกรณีผลักที่บังแดดไปด้านข้าง แต่ยังถูกแสงแดดแยงสายตาอยู่ดี 6.ล็อคนิรภัยสำหรับเด็ก รถยนต์แทบทุกรุ่นจะถูกติดตั้งระบบล็อคนิรภัยสำหรับเด็กเอาไว้ให้ เมื่อเปิดการทำงาน ประตูด้านในจะไม่สามารถเปิดออกได้ไม่ว่าจะล็อกหรือปลดล็อกอยู่ก็ตาม สามารถเปิดจากภายนอกได้เพียงอย่างเดียว 7.กระจกหน้าต่างแบบ 2 ระดับ รถยนต์หลายรุ่นโดยเฉพาะรถญี่ปุ่น จะถูกติดตั้งระบบหน้าต่างแบบ 2 ระดับไว้ให้ เมื่อกดสวิตช์กระจกไฟฟ้าฝั่งคนขับ กระจกจะลดระดับลงมาประมาณ 1 นิ้ว หากต้องการเปิดกระจกทั้งหมดให้กดสวิตช์ค้างไว้ […]
- วินทัต ตันยะกุล
- 0 Comment
- Wireless Display Adapter, การดูแลรักษารถ, ข่าวรถ, ข่าวร้อน, ข่าวสารวงการรถ, ความรู้เรื่องรถ, ทริค, ประหยัดน้ำมัน, รถนิยม, รถแต่ง, รู้เรื่องรถ, วิธีดูยาง, วิธีดูอายุยาง, วิธีดูแลรถ, วิธีถอดหน้ากากวิทยุรถ, วิธีเลือกซื้อรถ, หน้ากาก วิทยุ รถยนต์, อุปกรณ์และเครื่องยนต์, เคล็ดลับยานยนต์, โทรศัพท์, ไฟแนนซ์รถยนต์
ผ่อนรถต่อไปไม่ไหว.. ทำไงดี?
ค่างวดรถยนต์ถือเป็นภาระใหญ่ก้อนใหญ่สำหรับใครหลายคน หากเผลอหลวมตัวถอยรถใหม่ในขณะที่ยังไม่พร้อม อาจมีความเสี่ยงต่อการถูกบริษัทไฟแนนซ์ยึดคืนได้ ซึ่งการปล่อยให้ไฟแนนซ์ยึดรถกลับคืนไปนั้น หลายคนคิดว่าเรื่องจะจบ ไม่มีภาระผูกพันใดๆอีก แต่ความจริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะนอกจากจะเสียเครดิตแล้ว ยังมีหนี้อีกก้อนที่คุณต้องรับภาระเต็มๆ แม้จะไม่ได้ขับรถคันนั้นอีกแล้วก็ตาม ซึ่งทีมงาน รถนิยม ขออธิบายเป็นข้อๆ ดังนี้ 1.ค้างค่างวดเกิน 3 เดือนมีสิทธิ์ยึด ในสัญญาการเช่าซื้อทั่วไปจะระบุว่า หากมีการค้างค่างวดมากกว่า 3 เดือนติดต่อกัน บริษัทไฟแนนซ์มีสิทธิ์ยึดรถคันนั้นคืนโดยชอบด้วยกฎหมาย (แต่หากเจ้าหน้าที่ไฟแนนซ์ใช้ความรุนแรงหรือบุกรุกเข้ามายังเคหสถานก็ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง) 2.ไฟแนนซ์ขายรถทอดตลาด เมื่อไฟแนนซ์สามารถยึดรถได้ ก็จะเข้าสู่กระบวนการขายทอดตลาด ซึ่งราคาที่ขายได้ส่วนใหญ่มักต่ำกว่าราคาขายจริงของรถรุ่นนั้น จากนั้น ยอดเงินที่ได้จะถูกนำมาหักลบกับหนี้ที่ค้างไว้ ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่พอทบหนี้ด้วยซ้ำ 3.เรียกเก็บส่วนต่างจากลูกหนี้ ยอดเงินส่วนที่เหลือหลังจากหักลบกับยอดหนี้ จะถูกเรียกเก็บกับลูกหนี้อีกครั้ง ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้ลูกหนี้หลายคนต้องตกใจ เพราะไม่นึกว่ารถที่ถูกยึดไปแล้วยังจะถูกเรียกเก็บส่วนต่างอีกก้อน ซ้ำยังถูกบวกค่าจิปาถะมากมาย เช่น ค่าขาดประโยชน์, ค่าติดตามทวงถาม, ค่าครอบครองรถขณะรอขายทอดตลาด เป็นต้น จนแทบไม่ต่างอะไรกับช่วงก่อนถูกยึดเลย 4.เกิดประวัติค้างชำระหนี้ การค้างค่างวดจนถูกยึดรถนั้น มีผลทำให้ประวัติค้างชำระหนี้ ทำให้เกิดเครดิตเสีย ทำธุรกรรมทางการเงินได้ลำบาก ต้องพึ่งเงินนอกระบบที่อาจผิดกฎหมายและมีดอกเบี้ยแพง ผ่อนไม่ไหว.. ทำไงดี? หากตกอยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงที่จะถูกยึดรถ ควรรีบหาเงินมาชำระอย่างน้อย 1 งวด […]
รถเสียระหว่างทาง ทำยังไงดี? เรามีคำตอบ
คงไม่มีใคร อยากให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นกับตัวเองเมื่อต้องขับรถเดินทางไกล เพราะนอกจากจะเสียอารมณ์ในเรื่องของรถที่พัง และการเดินทางที่ไม่ราบรื่นแล้ว การเสียเงินซ่อม รวมไปถึงการเสียเวลารอรถซ่อมเสร็จ ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเท่าใดนัก ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้อาจเกิดขึ้นเพราะคุณไม่ค่อยตรวจเช็ก หรือดูแลรถยนต์ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ แต่บางครั้งมันก็อาจเกิดขึ้นได้แบบปัจจุบันทันด่วน แม้คุณจะดูแลรักษาดีแล้วก็ตาม และถึง แม้เหตุการณ์บางอย่างอาจจะเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว แต่ถ้าหากเราเตรียมพร้อมรับมืออยู่เสมอ ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเท่าไหร่ และหากมีความรู้ในเรื่องของรถยนต์บ้าง(เล็กน้อยก็ยังดี) ก็อาจทำให้รอดพ้น สถานการณ์นั้นๆ ไปได้ แล้วจึงค่อยไปขอความช่วยเหลือ หรือนำรถไปเข้าอู่เพื่อตรวจเช็ก และซ่อมแซมให้กลับมาใช้งานได้ดังเดิม เอาเป็นว่ามาดูวิธีการรับมือเบื้องต้น เมื่อรถเสียกลางทางกันดีกว่า ว่ามีอะไรต้องเตรียมกันบ้าง 1. สติ เป็นสิ่งที่ควรมีที่สุดยามที่เกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น เพราะหากขับขี่อยู่แล้วคุมสติไม่ได้ อาจเกิดอุบัติเหตุทันที หรือถ้าหากรถจอดเสียกลางทางแล้วมัวแต่สติแตก บางทีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็อาจมองข้าม ทำให้แก้ปัญหาไม่ได้นั่นเอง 2. ยางอะไหล่ รถทุกคันต้องมีมาให้อยู่แล้ว แต่ก็มีบางคนที่ถอดออกเพราะรู้สึกเกะกะ หนักรถ หรือขวางทางถังแก๊ส จึงเอาออก ซึ่งจริงๆ แล้วไม่สมควรเอาออกอย่างยิ่ง ถึงแม้จะไม่ได้เดินทางไกลก็ตาม เพราะหากรถเกิดยางแตก ยางแบน ฯลฯ ระหว่างทางขึ้นมา มียางอะไหล่ไว้เปลี่ยน ก็ดีกว่าต้องจอดรอความช่วยเหลือ หรือบดยางเส้นนั้นไปจนถึงอู่ […]
- วินทัต ตันยะกุล
- 0 Comment
- ข่าวน่าสนใจ, ข่าวรถ, ข่าวร้อน, ข่าวสารวงการรถ, ความรู้เรื่องรถ, ทริค, ประหยัดน้ำมัน, รถนิยม, รถนิยม.com, รถยนต์, รถแต่ง, รู้เรื่องรถ, วิธีดูยาง, วิธีดูวันผลิตยาง, วิธีดูอายุยาง, วิธีดูแลรถ, วิธีถอดหน้ากากวิทยุรถ, วิธีเลือกซื้อรถ, สาระ, หน้ากาก วิทยุ รถยนต์, อุปกรณ์และเครื่องยนต์, เครื่องยนต์, เคล็ดลับยานยนต์, โทรศัพท์, ไฟแนนซ์รถยนต์
เติมน้ำเปล่าแทนน้ำกลั่นแบตเตอรี่ ได้หรือไม่?
หลายๆคนอาจยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องการดูแลรักษารถยนต์ ซึ่งบางครั้งก็คงว่าไม่ได้ เพราะข้อมูลต่างๆ บางอัน ถูกเผยแพร่ออกมาจากแหล่งที่ไม่มีการอ้างอิง แต่กลับดูน่าเชื่อถือซะอย่างงั้น และบางอย่างก็ไม่ใช่เรื่องที่ร้ายแรงอะไร แต่กับบางเรื่องมันอาจส่งผลร้ายแรงมากกว่าที่คิด สำหรับเรื่องราวในครั้งนี้ที่จะเอามาเตือนกัน เป็นเรื่องเกี่ยวกับ แบตเตอรี่ ประเภทเติมน้ำกลั่นที่หลายคนรู้จักกันดี และเข้าใจถึงการทำงาน วิธีการรักษาที่ถูกต้อง แต่กับบางคนที่รู้จักแค่ชื่อ รู้แค่ว่ามันคืออะไร และยังไม่มีประสบการณ์การดูแลรักษาซักเท่าไหร่ แถมยังชอบเข้าใจผิด คิดว่าน้ำเปล่าธรรมดาสามารถนำมาเติมแทนน้ำกลั่นได้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว มันไม่ใช่เลย สาเหตุที่ต้องใช้น้ำกลั่นบริสุทธิ์เติมแบตเตอรี่เท่านั้นเป็นเพราะว่า น้ำเปล่าทั่วไป (น้ำประปา, น้ำดื่ม, โซดา ฯลฯ) จะมีส่วนผสมของแร่ธาตุมากมายที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่ไม่จำเป็นสำหรับแบตเตอรี่ เนื่องจากมันจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี เช่น อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ และแรงดันของแบตเตอรี่ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว น้ำที่อยู่ภายในแบตเตอรี่ก็คือน้ำกรดดีๆ นี่เอง และเมื่อใช้งานไปสักพัก น้ำในแบตเตอรี่ก็จะเริ่มลดลง เพราะผลจากการทำปฏิกิริยาทางเคมีกับแผ่นตะกั่ว ซึ่งบางส่วนระเหยกลายเป็นไฮโดรเจน และออกซิเจนในรูปแบบของไอน้ำ และน้ำที่เราเห็นเหลืออยู่ จะกลายเป็นน้ำกรดแบบเข้มข้นที่อันตราย ห้ามนำมาโดน หรือสัมผัสกับร่างกายเด็ดขาด ดังนั้นเมื่อน้ำในแบตเตอรี่แห้งหรือลดลง ควรที่จะเอาน้ำกลั่นบริสุทธิ์มาเติมเท่านั้น ห้ามนำน้ำเปล่า หรือน้ำอื่นๆ มาเติมเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะทำให้แบตเตอรี่ทำงานได้ไม่เต็มที่ ไม่เต็มประสิทธิภาพ และที่สำคัญที่สุด มันส่งผลต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่สั้นลงอย่างชัดเจน […]
- วินทัต ตันยะกุล
- 0 Comment
- Screen Mirroring, Terminal Device, wifi display sharer, Wireless Display Adapter, การดูแลรักษารถ, ข่าวรถ, ข่าวสารวงการรถ, ความรู้เรื่องรถ, ประหยัดน้ำมัน, รถนิยม, รถนิยม.com, รถยนต์, รถแต่ง, รู้เรื่องรถ, วิธีดูวันผลิตยาง, วิธีดูอายุยาง, วิธีดูแลรถ, วิธีถอดหน้ากากวิทยุรถ, วิธีเลือกซื้อรถ, สาระ, หน้ากาก วิทยุ รถยนต์, อุปกรณ์และเครื่องยนต์, เคล็ดลับยานยนต์, โทรศัพท์, ไฟแนนซ์รถยนต์
5 สิ่งควรทำเมื่อต้องจอดรถริมฟุตบาท
ชีวิตคนเมืองคงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องจอดรถไว้ริมฟุตบาทในแต่ละวัน ซึ่งการจอดรถเทียบข้างก็ว่ายากแล้ว แต่การจอดรถให้ปลอดภัยก็สำคัญไม่แพ้กัน รถนิยม เลยขอแนะนำ 5 เทคนิคการจอดรถริมฟุตบาทให้ปลอดภัยมากที่สุดครับ 1.เว้นระยะห่างคันหน้า-คันหลังให้เหมาะสม เมื่อจำเป็นต้องจอดรถริมฟุตบาท ควรเว้นระยะห่างระหว่างคันหน้าและคันหลังให้เท่าๆกันเสมอ เพราะการจอดชิดคันใดคันหนึ่งมากเกินไป อาจทำให้รถคันนั้นออกจากช่องจอดได้ลำบาก และอาจทำให้เกิดการเฉี่ยวชนได้ 2.จอดรถให้ตรงเสมอ-ตัวรถไม่ยื่นกว่าคันอื่น การจอดรถริมฟุตบาทควรจอดให้ขนานกับฟุตบาทมากที่สุด ไม่ให้ตัวรถด้านหน้า-ด้านท้ายยื่นออกไปบนทางสัญจร รวมถึงจอดให้ชิดริมฟุตบาทมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อลดความเสี่ยงจากการเฉี่ยวชนนั่นเอง 3.พับกระจกให้เรียบร้อยทุกครั้ง กระจกมองข้างเป็นอุปกรณ์ที่ยื่นออกจากตัวรถมากที่สุด ดังนั้น ควรพับกระจกมองข้างทุกครั้งเมื่อจอดรถ ป้องกันไม่ให้มอเตอร์ไซค์หรือรถคันอื่นเฉี่ยวชนจนได้รับความเสียหาย ยิ่งถ้าเป็นกระจกมองข้างรุ่นใหม่ ที่มีไฟเลี้ยวในตัว หรือเนื้อกระจกที่มีระบบตัดแสงอัตโนมัติแล้วล่ะก็ ค่าเสียหายจะสูงขึ้นตามไปด้วย 4.ตั้งล้อตรงทุกครั้ง การจอดรถริมฟุตบาทควรตั้งล้อให้ตรงทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้หน้ายางยื่นออกไปบนถนน รวมถึงกรณีที่จอดรถโดยปลดเกียร์ว่างทิ้งไว้เพื่อให้สามารถเข็นได้นั้น จะช่วยให้รถไม่เอียงเมื่อโดนเข็นด้วย แต่หากจำเป็นต้องจอดรถไว้บนทางลาดชัน สามารถใช้เทคนิคหมุนล้อไปยังทิศทางเข้าหาฟุตบาท เผื่อกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินที่ทำให้รถไหลหรือถูกชน จะช่วยให้ตัวรถไม่ไหลหรือพุ่งไปชนรถคันข้างหน้าได้ 5.ไม่เก็บของมีค่าไว้ในรถ อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง คือ การเก็บของมีค่าเอาไว้ให้มิดชิดมากที่สุด เช่น กระเป๋าโน๊ตบุ้ค, กระเป๋าถือ, กล้องถ่ายรูป ฯลฯ เพราะถึงแม้ว่ากระเป๋าจะไม่มีของมีค่า แต่ก็อาจล่อตาโจรจนถูกทุบรถเกิดความเสียหายได้ […]
- วินทัต ตันยะกุล
- 0 Comment
- การดูแลรักษารถ, ข่าวน่าสนใจ, ข่าวรถ, ข่าวร้อน, ข่าวสารวงการรถ, ความรู้เรื่องรถ, ทริค, ประหยัดน้ำมัน, รถนิยม, รถนิยม.com, รถยนต์, รถแต่ง, รู้เรื่องรถ, วิธีดูวันผลิตยาง, วิธีดูอายุยาง, วิธีดูแลรถ, วิธีถอดหน้ากากวิทยุรถ, วิธีเลือกซื้อรถ, หน้ากาก วิทยุ รถยนต์, อุปกรณ์และเครื่องยนต์, เคล็ดลับยานยนต์, โทรศัพท์, ไฟแนนซ์รถยนต์
เทคโนโลยี Idling Stop ช่วยประหยัดน้ำมันขึ้นจริงหรือ?
รถยนต์รุ่นใหม่ในปัจจุบันติดตั้งเทคโนโลยีประหยัดน้ำมันกันมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือระบบ Idling Stop ที่ช่วยดับเครื่องยนต์อัตโนมัติขณะจอดติดไฟแดง ซึ่งหลายคนก็มีคำถามตามมาว่าการให้เครื่องยนต์สตาร์ทบ่อยๆ จะประหยัดน้ำมันจริงหรือ? และจะมีผลกระทบต่อเครื่องยนต์หรือไม่? เทคโนโลยี Idling Stop จริงๆแล้วมีหลายชื่อเรียก ตามแต่ละผู้ผลิตรถยนต์จะรังสรรค์คำขึ้นมา เช่น Auto Start Stop (BMW), ECO Start/Stop (Mercedes-Benz), i-stop (Mazda) เป็นต้น ซึ่งมีการทำงานคล้ายๆกัน โดยจะดับเครื่องยนต์ลงอัตโนมัติเมื่อรถถึงจุดหยุดนิ่งระหว่างรอสัญญาณไฟแดง ขณะที่อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ รวมถึงพัดลมแอร์ยังคงทำงานอยู่ (แต่ความเย็นจะลดลงช้าๆ เนื่องจากคอมเพรสเซอร์แอร์ไม่ทำงาน) และจะติดเครื่องให้อัตโนมัติเมื่อปล่อยเท้าออกจากเบรก หรือขยับพวงมาลัย เป็นต้น สรุปแล้วเทคโนโลยีดังกล่าวช่วยประหยัดน้ำมันขึ้นจริงหรือไม่? คำตอบคือ จริงครับ โดยศูนย์วิจัยและพัฒนารถยนต์ในประเทศจีนระบุว่าเทคโนโลยี Start-stop ช่วยประหยัดน้ำมันขึ้นราว 7-27 เปอร์เซ็นต์ ตามสภาพการใช้งาน ขณะที่ Bosch ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ชื่อดังแห่งเยอรมนี ระบุว่าเทคโนโลยีนี้ช่วยประหยัดน้ำมันได้ราว 8-15 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว และที่สำคัญคือยังช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซต์ลงได้ราว 15 กรัม ต่อ 100 […]
- วินทัต ตันยะกุล
- 0 Comment
- wifi display sharer, การดูแลรักษารถ, ข่าวน่าสนใจ, ข่าวรถ, ข่าวร้อน, ข่าวสารวงการรถ, ความรู้เรื่องรถ, ทริค, ประหยัดน้ำมัน, รถนิยม, รถนิยม.com, รถยนต์, รถแต่ง, รู้เรื่องรถ, วิธีดูวันผลิตยาง, วิธีดูอายุยาง, วิธีดูแลรถ, วิธีถอดหน้ากากวิทยุรถ, วิธีเลือกซื้อรถ, หน้ากาก วิทยุ รถยนต์, อุปกรณ์และเครื่องยนต์, เครื่องยนต์, เคล็ดลับยานยนต์, โทรศัพท์, ไฟแนนซ์รถยนต์
5 สิ่งไม่ควรเก็บไว้ในรถที่จอดกลางแดด
หลายคนหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องจอดรถสุดที่รักทิ้งไว้กลางแดดเป็นประจำ ซึ่งความร้อนภายในรถที่เพิ่มสูงขึ้น อาจส่งผลให้สิ่งของบางอย่างเกิดความเสียหาย จนทำให้รถเสียหายตามไปด้วยได้ ปกติแล้วรถที่จอดไว้กลางแดดโดยปิดกระจกทุกบานสนิท ความร้อนภายในห้องโดยสารจะพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หากจอดรถกลางแดดในวันที่มีอุณหภูมิ 34 องศาเซลเซียส ภายในรถอาจมีอุณหภูมิสูงถึง 50 องศาเซลเซียสในเวลาไม่ถึงชั่วโมง แต่หากเป็นวันที่อากาศร้อนจัดทะลุ 37 องศาเซลเซียส อุณหภูมิภายในรถอาจสูงถึง 60 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว ซึ่งถือเป็นความร้อนระดับที่สามารถคร่าชีวิตคนเราได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น รถนิยม.com จึงขอแนะนำ 5 ไอเท็มที่ไม่ควรเก็บไว้ในรถขณะจอดกลางแดด เพื่อป้องกันไม่ให้รถเกิดความเสียหาย จะมีอะไรบ้าง? 1.ไฟแช็ค ไฟแช็คสามารถเกิดการระเบิดได้หากถูกแสงแดดกระทบเป็นเวลานาน ซึ่งแม้ว่าแรงระเบิดจะไม่สูงมาก แต่ก็พอจะทำให้กระจกหน้าแตกร้าวได้ หากถูกวางทิ้งไว้เหนือคอนโซล รวมถึงมีโอกาสเกิดเพลิงไหม้ได้อีกด้วย 2.กระป๋องสเปรย์ แรงดันในกระป๋องสเปรย์จะเพิ่มขึ้นเมื่อได้รับความร้อนสูงเป็นเวลานาน และอาจทำให้เกิดการระเบิดขึ้นได้ ซึ่งนอกจากจะมีแรงดันมากพอที่จะทำให้กระจกแตกได้ทั้งบานแล้ว สารเคมีภายในกระป๋องยังกระจายไปทั่วทั้งรถ จนทำให้เกิดความเสียหาย ยากที่จะฟื้นฟูให้กลับมาใหม่ปิ๊งเหมือนเดิม 3.แบตเตอรี่สำรอง แบตเตอรี่สำรองส่วนใหญ่จะเป็นชนิด ลิเธียมไอออน ซึ่งสารลิเธียมในแบตเตอรี่เป็นโลหะที่ไวต่อปฏิกิริยาทางเคมี อาจทำให้เกิดการลัดวงจรเมื่อเจอความร้อนสูงมาก แม้ไม่ได้ใช้งานหรือชาร์จอยู่ก็ตาม ยิ่งแบตเตอรี่มีขนาดใหญ่มาก ก็ยิ่งทำให้เกิดความเสียหายมากขึ้นตามไปด้วย 4.โทรศัพท์มือถือ นอกจากความร้อนอาจทำให้วงจรภายในโทรศัพท์เกิดความเสียหายได้แล้้วนั้น […]
- วินทัต ตันยะกุล
- 0 Comment
- ข่าวรถ, ข่าวร้อน, ข่าวสารวงการรถ, ความรู้เรื่องรถ, ประหยัดน้ำมัน, รถนิยม.com, รถแต่ง, รู้เรื่องรถ, วิธีดูวันผลิตยาง, วิธีดูอายุยาง, วิธีดูแลรถ, วิธีถอดหน้ากากวิทยุรถ, วิธีเลือกซื้อรถ, สาระ, หน้ากาก วิทยุ รถยนต์, อุปกรณ์และเครื่องยนต์, เครื่องยนต์, เคล็ดลับยานยนต์, โทรศัพท์, ไฟแนนซ์รถยนต์
รู้เปล่า? หากไฟเตือนน้ำมันขึ้นจะขับต่อไปได้กี่กิโล
โดยปกติแล้ว คนส่วนใหญ่มักเติมน้ำมันกลับเข้าไปในถังเมื่อเข็มน้ำมันลดเหลือประมาณ 1 ใน 4 ของถัง (หลายคนคงปล่อยให้ต่ำกว่านั้น) แต่บางครั้งเราขับไปในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย น้ำมันก็ดันจะหมด แถมหาปั๊มข้างหน้าก็ไม่เจออีก ไฟเตือนน้ำมันก็สว่างวาบให้ใจระทึกแล้ว แต่ความจริงคุณยังอาจวิ่งได้อีกร่วม 100 กิโลเมตรเลยนะ… หากเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่ติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ มักจะมีระบบแจ้งเตือนระยะทางคงเหลือจากปริมาณน้ำมันในถังมาให้ด้วย ซึ่งตัวเลขที่แสดงให้เห็นดังกล่าวมักออกแบบเผื่อไว้ให้ผู้ขับขี่เสมอ ดังนั้น ถึงแม้ว่าตัวเลขจะกลายเป็น 0 เป็นที่เรียบร้อย รถก็ยังสามารถวิ่งได้ต่อไปอีกสักระยะเพื่อให้คุณหาปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใกล้ที่สุดได้ แม้ว่าเข็มแสดงปริมาณน้ำมันจะแจ้งว่าน้ำมันรถของคุณเกลี้ยงถังไปแล้ว แต่ความจริงยังคงมีน้ำมันเหลืออยู่ราว 4-6 ลิตร ขึ้นอยู่กับรุ่นรถ ดังนั้น หากคำนวณอย่างคร่าวๆ ว่าถ้ารถคุณกินน้ำมันอยู่ที่ 15 กิโลเมตรต่อลิตร ก็จะสามารถวิ่งได้เป็นระยะทางราว 15×6 = 90 กิโลเมตรเลยทีเดียว แต่หากเป็นการขับขี่ในเมืองที่ต้องขับจอดอยู่เรื่อยๆ ตัวเลขระยะทางที่วิ่งได้จะลดต่ำลงกว่านั้นมาก ดังนั้น หากไฟเตือนน้ำมันใกล้หมดแสดงขึ้น หรือหน้าจอแสดงระยะที่วิ่งได้เป็น 0 แต่คุณก็ยังสามารถขับต่อไปได้อีกสักระยะ พอให้หาปั๊มเติมน้ำมันที่ใกล้ที่สุดได้อย่างไม่ต้องกังวลครับ แต่หากต้องลุ้นจริงๆ เพราะหาปั๊มไม่เจอเสียที ก็ให้ใช้วิธีปิดแอร์ควบคู่ไปด้วย […]
6 เทคนิคพิชิต ‘หลับใน’ ได้ผลแน่นอน..!
6 เทคนิคพิชิต ‘หลับใน’ ได้ผลแน่นอน..! 6 เทคนิคพิชิต ‘หลับใน’ ได้ผลแน่นอน..! คนทำงานส่วนใหญ่ที่ใช้ร่างกายกันมาอย่างเหน็ดเหนื่อยในช่วงกลางวัน พอตกเย็นขับรถกลับบ้านก็อาจมีอาการง่วงซึมเป็นธรรมดา ยิ่งถ้าบ้านอยู่ไกล ต้องขับรถด้วยความเร็วสูงอยู่ประจำแล้วล่ะก็ ยิ่งอันตรายเข้าไปใหญ่ วันนี้เราจึงมีเทคนิคง่ายๆ 6 เทคนิคพิชิตหลับในมาฝากกันครับ 1.หาอะไรเข้าปาก อาการของคนมีอาการหลับในส่วนใหญ่จะขยับร่างกายน้อยมาก มือจับพวงมาลัยท่าไหน ก็จะค้างไว้อย่างนั้นตลอด ดังนั้น การหันมาควานหาของกินในรถ จะช่วยกระตุ้นร่างกายได้ในระดับหนึ่ง หากมือมีการหยิบจับอาหารใส่ปากอยู่เรื่อยๆ ก็จะช่วยให้ร่างกายได้ขยับเขยื้อนบ้าง ยิ่งถ้าเป็นอาหารหรือขนมรสชาดเปรี้ยวๆ ด้วยแล้วล่ะก็จะยิ่งสดชื่นขึ้นไปอีก 2.คุยกับคนข้างๆ การหลับในอาจเกิดได้ในกรณีขับรถเพลินๆ เพ่งสมาธิไปที่การขับรถเพียงอย่างเดียว สายตาก็มองไปแต่ถนนข้างหน้า ต้นไม้น้อยใหญ่ที่เคลื่อนผ่านไปก็ชวนให้ง่วงดีแท้ ดังนั้น หากเริ่มมีอาการหลับใน ให้ลองชวนคนข้างๆคุยดูก็ดี ช่วยให้มีการพูดคุยโต้ตอบ แก้ง่วงได้เหมือนกัน หากขับรถคนเดียวก็ไม่ยาก ลองโทรศัพท์หาใครดูซักคน แล้วอย่าลืมใช้สมอลทอล์ค หรือคุยผ่านลำโพงในรถเพื่อความปลอดภัย 3.เหยียบคันเร่งให้มิด….! นี่อาจเป็นคำแนะนำที่ดูแปลกไปนิด แต่อย่างที่บอกไปว่าการขับรถขณะหลับใน จะมีการขับขี่ตามคันหน้าไปแบบเรื่อยๆ ดังนั้น เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารอะดรีนาลีนออกมานั้น ผู้อ่านอาจลองใช้วิธีเหยียบคันเร่งให้มิด จะทำให้ตัวรถพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ทีนี้พอกำลังเคลิ้มๆได้ที่อยู่ ก็จะรู้สึกตกใจ ช่วยให้หายง่วงซึมได้เหมือนกัน พอร่างกายเริ่มตื่นแล้วก็ปล่อยคันเร่งแล้วขับต่อไปตามปกติ […]
อาการรถเอียง!! จริงแล้วมันเกิดจากอะไรกัน
สาเหตุและปัญหาของรถยนต์นั้นมีอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์หรือปัจจัยในการขับขี่ และวันนี้จะมาขอนำเสนอสิ่งที่อาจจะมีหลายๆท่านสงสัยอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน คือ อาการรถเอียง บางท่านคงจะไม่ทราบว่ารถยนต์ของท่านเอียงหรือไม่ และถ้าเอียงแล้วจะเกิดเอียงจากอะไร ! และนี่คืออาการที่จะบ่บอกท่านว่ารถเอียงท่านเกิดจากอะไรอย่างไรก็ตามควรหมั่นเช็คและดูแลรถยนต์คันโปรดของท่านให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา ด้วยรักและความห่วงใยจาก www.รถนิยม.com เลือกซื้ออุปกรณ์เสริมใช้ในรถเลือก รถนิยม.com .
ขับรถต้องรู้ พวงมาลัยสั่นเกิดจากอะไรและแก้ไขอย่างไร
คุณเคยไหม? ว่าตอนที่เราขับรถคู่ชีพของเราพอถึงความเร็วช่วงหนึ่ง พวงมาลัยก็เริ่มมีอาการสั่นๆ เหมือนจะเป็นไข้ยิ่งขับเร็วขึ้นไปอีกก็ยังสั่นเพิ่มขึ้นไปมากกว่าเดิม พอเพิ่มความเร็วขึ้นไปอีกระยะหนึ่งกลับสั่นน้อยกว่าเดิมหรือบางคันสั่นมากๆเหมือนจะสั่นกันไปทั้งคัน พาลให้คนขับชักมีอาการ มือสั่น ปากสั่น เท้าสั่น กันไปตามๆกัน จากนี้เรามาหาสาเหตุกันว่า อาการสั่นที่เป็นอยู่นี้มีสาเหตุอะไรบ้าง และมีวิธีแก้ไขได้อย่างไร ยาง เป็นส่วนสำคัญที่สุดส่วนหนึ่งของอาการสั่นสาเหตุอาจเกิดจาก การบวมของยาง เนื่องจากยางหมดอายุุการเบรกรุนเเรงแบบ หน้ายางไถลไปกับพื้น การตกหลุมแรงๆ หรือขับไปทับกับของแข็งจนทำให้โครงสร้างภายในยาง เกิดการเสียหายเปลี่ยนรูปและยางที่ไม่ค่อยได้ใช้ เช่นยางเปอร์เซนต์เก่าหรือรถที่จอดทิ้งไว้นานๆ วิธีการตรวจเช็ค 1. ดูแก้มยางหาวัน-เดือน-ปี ทีผลิต ปกติแล้ว อายุการใช้งานไม่ควรเกิน 4 ปี 2. ขึ้นแม่เเรง ให้ล้อหมุนสูงจากพื้น แล้วลองหมุนล้อดู สังเกตอาการหมุนของยางว่ายังกลมดีหรือไม่ 3. ถอดล้อและยางไปร้านล้อแม็คที่มีเครื่องถ่วงล้อ ให้ลองถ่วงดูว่ายางมีการบวมหรือไม่ วิธีนี้เป็นวิธีที่ถูกต้องเเม่นยำที่สุด วิธีการแก้ไข วิธีเดียวครับคือเปลี่ยนใหม่อย่างเดียว และควรเปลี่ยนโดยเร็วที่สุด เพราะยางสามารถระเบิดได้ หรือยางยืดหลุดจากล้อเมื่อวิ่งความเร็วสูงๆ ล้อ-แม็ค ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งไม่แพ้ยางเหมือนกันถ้ากระทะล้อเกิดการบิดเบี้ยวเสียรูป จะมีผลบังคับให้หน้ายางบิดเบี้ยวตามเช่นกันการเสียหายอาจเกิดจากการตกหลุมแรงๆ หรืออุบัติเหตุ เช่นชนฟุตบาท รวมถึงการดัดแปลงนำกระทะล้อมาเจาะรูเองและตะกั่วที่ถ่วงล้อหลุดหาย วิธีการตรวจเช็ค 1. ขึ้นแม่แรงแล้วหมุนล้อดูอาการแก่วงของล้อและยาง 2. ถอดล้อแล้วสังเกตว่ากระทะล้อมีการบุบเสียรูป […]
สิ่งจำเป็นที่ควรรู้ เบาะนั่งเด็กใช้ในรถยนต์อย่างไรให้ถูกวิธี
สิ่งจำเป็นที่ควรรู้ เบาะนั่งเด็กใช้ในรถยนต์อย่างไรให้ถูกวิธี เบาะนั้งสำหรับเด็กถือเป็นสิ่งจำเป็นในการพาลูกน้อยไปด้วยในการเดินทาง เกร็ดความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ในวันนี้ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมากกับพ่อ-แม่ มือใหม่สมัยนี้ ยิ่งต้องพาลูกน้อย ไปไหนต่อไหนพ่อ-แม่ สมัยใหม่จึงได้มีการใช้เบาะนั่งสำหรับเด็ก แต่หลายๆท่านก็ยังไม่เคยทราบว่าการใช้เบาะนั้งเด็กที่ถูกวิธีนั้นควรใช้อย่างไร แล้วการเลือกซื้อเบาะเด็กควรเลือกซื้ออย่างไร เดี๋ยวเราไปชมกันเลยครับกับเกร็ดความรู้ในวันนี้ เบาะนั่งสำหรับเด็กแต่ละประเภทที่เหมาะกับเด็กแต่ละช่วงอายุ ในการที่พาลูกน้อยเดินทางไปไหนต่อในสมัยนี้ถือว่าพบเห็นเป็นประจำได้ในทุกวันนี้ ซึ่งพ่อ-แม่สมัยใหม่นี้ ก็ได้มีการใช้เบาะนั่งสำหรับเด็กเพื่อความปลอดภัยของลูกน้อย และกันไม่ให้ลูกๆมาซุกซนในเวลาที่เรากำลังขับรถ ซึ่งเบาะนั่งสำหรับเด็กนั้นก็มีหลายประเภท โดยแบ่งได้ดังนี้
คราบยางมะตอย คราบแมลง กำจัดได้ง่ายๆ หากรู้วิธี
คราบยางมะตอย คราบแมลง กำจัดได้ง่ายๆ หากรู้วิธี เกิดอาการสมองซนชนิดผิดวัย อยู่ดีๆ ก็ลุกพรวดพราดออกจากเตียงนอนมานั่งจ้องจอคอมฯ รีบเข้าค้นหาข้อมูลว่าในเมืองไทยตอนนี้ รถสีไหนกันที่เป็นสียอดนิยมแห่งยุค คำตอบที่ได้ก็ไม่ผิดแผกไปจากความรู้สึกเบื้องลึกมากนัก สีรถยอดนิยมในตอนนี้ก็คือ ‘สีขาว’ นั่นเอง แต่สิ่งที่ทำให้ตกกะใจเล็กน้อยคือ ‘สีดำ’ ที่คิดไว้แต่ต้นว่าน่าจะอยู่อันดับ 2 หรือไม่ก็ครองแชมป์ชนิดเฉือนสีขาวแค่ปลายเล็บ แต่ผิดคาด งานนี้ ‘สีดำ’ เจ้าเสน่ห์กลับทำหน้าปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่อันดับ 4 ในชาร์ตเพียงแค่นั้น ปล่อยให้ ‘สีเทา’ และ ‘สีเงิน’ ลอยหน้าลอยตายึดอันดับ 2 และ 3 ไปหน้าตาเฉย แล้วเคยได้ยินมั้ยว่า ‘สีขาว’ มันดูแลยาก ความขาวบริสุทธิ์มันมักอยู่กับเราได้ไม่นาน เชื่อว่าเจ้าของรถสีขาวจำนวนไม่น้อยแน่ๆ ที่รับรู้ถึงปัญหาข้อนี้ดี แต่ด้วยแรกสัมผัส ความขาวจั๊วะน่าเจี๊ยะมันสุดแสนที่จะห้ามใจใช่หรือไม่ ลองถามคนที่เป็นเจ้าของดูเอาเอง รถสีขาวออกจากศูนย์มันก็ดูสะอาดดี แต่ไหงใช้ไปสักพักเดียว ล้างอัดฉีดอีท่าไหนยังไง้ยังไงก็เอาคราบไคลจุดดำๆ ของยางมะตอย หรือเศษซากสุสานแมลงด้านหน้ารถที่มันติดทนนานยิ่งกว่าสีบางยี่ห้อออกไปไม่ได้สักที วันนี้คู่มือคนเมืองเลยถือโอกาสพาไปไขทางแก้ปัญหานี้กัน วิธีดั้งเดิมที่บรรดากูรูแนะนำกันจนแทบจะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ก็คือการใช้น้ำมันก๊าดในการเช็ดทำความสะอาด ซึ่งมันจะทำให้คราบยางมะตอยและเศษซากแมลงหลุดออกอย่างง่ายดาย แต่ก็นั่นแหละ ขึ้นชื่อว่าน้ำมันก๊าดทั้งที ใครจะใจดีสู้เสือเอาไปเช็ดที่สีรถตรงๆ […]
วิธีถอดหน้ากากวิทยุรถ
รถนิยม.com สวัสดีครับ พอดีทำตลาดเจ้าตัว Wifi Display shaerer เป็นตัวรับสัญญาณภาพและเสียง จากสมาร์โฟน เข้าไปดูบนจอวิทยุรถยนต์ โดยเราจะต้องนำเจ้าตัว Wifi Display shaerer ไปต่อเข้ากับ ช่อง Input ของวิทยุรถยนต์ ที่เป็น HDMI หรือ AV แต่มีอุปสรรค อยู่บ้างคือ วิทยุรถยนต์ของคุณลูกค้าแต่ละท่านไม่เหมือนกัน ทั้งวิทยุรถยนต์ที่มากับรถเอง หรือเปลี่ยนมา ซึ่งบ้างท่านไม่ทราบว่าวิทยุในรถมีช่อง Input HDMI หรือ AV อยู่รึเปล่า ถามบริษัทหรือโชว์รูมที่ขายก็ไม่รู้เรื่อง มันก็เลยต้องลองถอดออกมาดูด้านหลังของวิทยุดูว่ามันมีอยู่รึเปล่า แต่ก็มืดแปดด้าน จะเริ่มถอดยังไงถ้าทำไม่ถูกวิธี จะได้ไม่คุ้มเสีย วันนก็เลย จะมาแนะนำวิธีการหาข้อมูลว่าจะต้องทำอย่างไร อากู่ช่วยได้ครับ (และต้องขอขอบคุณทุกร้านค้า/ทุกท่านที่ ทำข้อมูลนี้ขึ้น เป็นประโยชน์มากจริง ๆ ขอบคุณมากครับ) ง่าย ๆครับ เปิด google แล้วพิมพ์คีย์เวิร์ด คำว่า “วิธีถอดหน้ากากวิทยุรถ” จะมีข้อมูลให้เราเลือกเลยว่า จะรับชมแบบ VDO […]